3 New Normal พฤติกรรมของพ่อแม่ที่พัฒนาจาก Covid 19

3 New Normal พฤติกรรมของพ่อแม่ที่พัฒนาจาก Covid 19

หลังจบสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid 19 พฤติกรรมบางอย่างของคนจะเปลี่ยนแปลงไป จริงๆไม่ต้องรอให้จบ ตอนนี้มีใครผันตัวเองไปเป็นเชฟบ้างแล้ว หลังจากก่อนหน้าการเข้าครัวทำอาหารด้วยตนเองเป็นเรื่องที่นับครั้งได้

การได้ทำอะไรใหม่ๆ สักระยะหนึ่ง จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจนพัฒนาไปเป็น “ทักษะ” .และทักษะแบบนี้จะติดตัวเราไป ทำให้เกิดความคุ้นชิน จนเรารู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ก็เป็นเรื่องใหม่ที่เราเองก็ทำได้ดีอย่างเป็นปกตินี่น่า 

Covid 19 ทำให้เกิด New Normal Behavior ในหลายภาคส่วน เช่น ภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ รวมไปถึง “ ทักษะการเป็นคุณพ่อคุณแม่” ด้วยเช่นกัน 

เพื่อความปลอดภัย และ “อยู่บ้าน ลดเชื้อ เพื่อชาติ” พ่อแม่หลายท่านต้องทำให้การอยู่บ้านของลูก “สนุก” และ “ไม่น่าเบื่อ”  แทบจะเรียกว่า เปลี่ยน “บ้าน” เป็น “โรงเรียน” เปลี่ยนเป็น “สถานที่ท่องเที่ยว” หรือเปลี่ยนเป็นที่อื่นอีกมากมาย

การเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อย จะทำให้เกิด New Normal ในพฤติกรรมของคุณพ่อคุณแม่เช่น แต่ CCK กลับเห็นว่ามันเป็นพฤติกรรมที่ดี ที่สามารถกระตุ้นให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีได้

1) พ่อแม่จะเห็นความสำคัญต่อการพัฒนา “ทักษะเพื่อการอยู่รอด” ของลูก มากขึ้น และมากกว่า “ความเก่งกาจด้านวิชาการ”  ทำให้พ่อแม่ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงดูต่างจากเดิม หรือเพิ่มเติมมากขึ้น 

สถานการณ์วิกฤตจริงที่ทำให้คนทั่วโลกต้องปรับตัวตลอดเวลา โดยที่ไม่สามารถคาดเดาอนาคตได้ว่า…สถานการณ์จะดีขึ้นเมื่อไหร่..ตอนไหน…อย่างไร.

“ความเก่งทางวิชาการ” หรือ “ความสามารถในการเอาตัวรอด” อะไรกันแน่ที่เป็นทักษะที่ควรให้ความสำคัญอย่างแท้จริงเสียที

CCK ไม่ได้บอกว่า คนเก่งวิชาการ จะเอาตัวรอดจากวิกฤตไม่ได้ แต่คนเก่งวิชาการ ที่ไม่เรียนรู้ “ทักษะ” อื่นๆ ต่างหาก ที่จะเอาตัวรอดไม่ได้

“การจัดการชีวิตตัวเอง”..เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างแรก..เป็นพัฒนาการแรกเริ่มที่ต้องฝึกให้เด็กได้ทำด้วยตนเอง อย่าข้ามขั้นไปมองเพียงแค่ว่า…ลูกชั้นต้อง “เรียนเก่ง”

พ่อแม่หลายท่านคงพอจะเห็นภาพแล้วว่า ในอนาคตโอกาสจะเกิดวิกฤตซ้ำมีสูงมาก ปัญหาอาจจะถาโถมมาอย่างหนักหนา โดยที่ไม่ได้ตั้งตัว  ต่อให้ “เรียนเก่งแค่ในห้องเรียน ยังไม่สู้ เก่งในห้องเรียนชีวิต”

การเลี้ยงดูจะถูกปรับให้มีความเหมาะสมมากขึ้น เด็กจะต้องฝึกทักษะการเอาตัวรอด มากขึ้นกว่าการบวก ลบเลข ท่องสูตรคูณ หรือเนื้อหาเยอะๆ เช่น เด็กจะต้องฝึกการทำอาหารง่ายๆ เบื้องต้น ฝึกหุงข้าว ฝึกซักผ้า หัดปลูกพืชง่ายๆ การทำอย่างไรจะไม่ติดเชื้อ  เพราะเมื่อถึงวันที่วิกฤติมาอีกระลอก และก็ไม่รุู้ว่าพ่อแม่ยังจะมีชีวิตอยู่ช่วยเหลือลูกได้หรือไม่ อย่างน้อยพ่อแม่ก็จะอุ่นใจว่า….ลูกยังหาข้าวกินเองเป็น และไม่ไปเสี่ยงในที่จะมีโอกาสติดเชื้อ 

“เรียนเก่งแค่ในห้องเรียน ยังไม่สู้ เก่งในห้องเรียนชีวิต”

2) พ่อแม่จะเป็น “ Life Coach”  ไม่ใช่  “คนสั่งสอน”  

พ่อแม่จะเลิกสั่ง เลิกแก้ไขปัญหาแทนลูก แต่จะฝึกให้ลูกแก้ปัญหา คิดวิเคราะห์จากสถานการณ์จริง ปัญหาจริง เพราะถ้าหัดคิิดตั้งแต่วันนี้ ต่อให้มีอีกกี่ปัญหา เราจะมี “ปัญญา” หาทางออกที่ยืดหยุ่นได้

“ถ้าวิเคราะห์ได้เอง หาทางออกได้เอง จะไม่เพิ่มปัญหาให้ตัวเอง”

โดยเฉพาะเรื่อง  “การบริหารเงิน”  “การเข้าใจตัวเอง”  “การจัดการอารมณ์เครียดในสถานการณ์คับขัน”   
“การใช้เทคโนโลนีให้เป็นประโยชน์” และเรื่องอื่นๆ ที่ลูกอาจจะต้องมีโอกาสจัดการแก้ปัญหาของตัวเองมากขึ้น ในขณะที่การให้ความช่วยเหลืออาจจะมาล่าช้า เป็นต้น

” ถ้าวิเคราะห์ได้เอง หาทางออกได้เอง จะไม่เพิ่มปัญหาให้ตัวเอง”

3) พ่อแม่จะรักสุขภาพตัวเอง และใส่ใจ “เวลาคุณภาพ” ที่มีต่อลูกและครอบครัวมากขึ้น 

พ่อแม่จะแบ่งเวลาทำงาน เวลาพักผ่อน และเวลาที่ได้ใช้กับลูกและครอบครัวให้มีความสมดุลมากขึ้น ซึ่งการสร้างเวลาคุณภาพนี้ จะเป็นรากฐานการสร้างความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เป็นการใช้เวลาเพื่อสร้าง “พ่อที่มีอยู่จริง” และ “แม่ที่อยู่จริง” อย่างแท้จริง

“สมดุลเวลาชีวิต สร้างเวลาคุณภาพ สร้าง…พ่อแม่ที่มีอยู่จริง”

Reference Picture : <a href=”https://www.freepik.com/free-photos-vectors/poster”>Poster vector created by macrovector – www.freepik.com</a>

<a href=”https://www.freepik.com/free-photos-vectors/abstract”>Abstract vector created by macrovector – www.freepik.com</a>

CrafterCave Kids (คราฟเทอร์เคฟคิดส์) แบรนด์ผู้ออกแบบและจำหน่ายเกม ของเล่น และสื่อการเรียนรู้เสริมพัฒนาการทางภาษาและการสื่อสารของเด็กๆในแต่ละช่วงวัยโดยเฉพาะ

CrafterCave Kids ยังมีบทความอื่นๆที่น่าสนใจสำหรับคุณพ่อคุณแม่อยู่อีกนะ